Showing posts with label เที่ยวปัตตานี. Show all posts
Showing posts with label เที่ยวปัตตานี. Show all posts

Tuesday, June 17, 2025

Café Deen – คาเฟ่ฮาลาลสุดมินิมอล ใจกลางปัตตานี

 

ถ้าคุณกำลังมองหาคาเฟ่ที่นั่งสบาย บรรยากาศดี เป็นมิตรกับมุสลิม และเหมาะกับการพักผ่อนหรือทำงานแบบเบา ๆ ที่ปัตตานี

ขอแนะนำให้แวะที่ Café Deen

จุดเด่นของร้าน:

  • การตกแต่งสไตล์โมเดิร์น + มินิมอล

  • โต๊ะกว้าง / เก้าอี้นั่งสบาย / มีโซนมุมเงียบ

  • เมนูแนะนำ: ชาเขียวเย็น, เค้กส้ม, ลาเต้ร้อน

  • ราคาไม่แรง เหมาะกับนักเรียน-นักท่องเที่ยว

🚲 การเดินทาง:

  • ขี่มอไซค์จากยะลา ประมาณ 40–45 นาที

  • ที่จอดรถสะดวก มีโซนร่ม

หากคุณยังไม่มีรถ เรามีบริการให้เช่ามอไซค์จากยะลา พร้อมขี่เที่ยวปัตตานีได้เลย!

✅ รถใหม่ / น้ำมันพร้อม / มีหมวกกันน็อกให้
✅ โปรเช่า 7 วัน จ่ายเพียง 6
✅ รายเดือน 4,500–5,500 บาท

👉 รายละเอียดเพิ่มเติม: facebook.com/yalarentalcars

Sunday, June 15, 2025

รวม 7 ไอเท็มที่นักเดินทางควรพก เมื่อเที่ยวใต้ด้วยมอไซค์

ไอเท็มที่นักเดินทางควรพก เมื่อเที่ยวใต้ด้วยมอไซค์
 ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวมือใหม่หรือสายเที่ยวตัวจริง การเดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์ในภาคใต้จะปลอดภัยและสบายยิ่งขึ้น ถ้ามีอุปกรณ์เหล่านี้ติดตัวไว้!

🧭 รายการของแนะนำ:

  1. เสื้อกันแดดแบบระบายอากาศ – ป้องกันแดดภาคใต้จัดจ้าน

  2. หมวกกันน็อกน้ำหนักเบา – สวมสบาย ไม่ปวดคอ

  3. Power Bank ความจุสูง – เพื่อไม่ให้มือถือดับกลางทาง

  4. ถุงกันฝนพับได้ – เหมาะมากสำหรับฤดูฝน

  5. ผ้าบัฟหรือแมสกันฝุ่น

  6. ขวดน้ำเก็บอุณหภูมิ

  7. กระเป๋าคาดอกกันน้ำ – ใส่เอกสารและเงินได้ปลอดภัย

🛵 หากคุณยังไม่มีรถ เรายินดีให้บริการเช่ามอไซค์ในยะลา
✅ รถใหม่ มีให้เลือกหลายรุ่น
✅ ส่งฟรีในเมือง เมื่อเช่า 3 วันขึ้นไป
✅ โปรเช่า 7 วัน จ่ายแค่ 6

👉 ติดต่อเช่ารถ: facebook.com/yalarentalcars

Friday, August 9, 2013

เที่ยวปัตตานี

 ปัตตานี

ปัตตานี เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลตะวันออกของภาคใต้ติดกับทะเลจีนใต้ หรืออ่าวไทย มีพื้นที่ประมาณ 1,940.356 ตารางกิโลเมตร  มีแม่น้ำที่สำคัญ 2 สาย คือ แม่น้ำปัตตานี และ แม่น้ำสายบุรี ในอดีตจังหวัดปัตตานีเป็นจังหวัดที่มีความเจริญรุ่งเรืองมากเคยมีฐานะเป็น เมืองหลวงของอาณาจักรลังกาสุกะ ซึ่งเป็นรัฐอิสระของชาวไทยพุทธ
           ใน พุทธศตวรรษที่ 7 มีอาณาเขตครอบคลุมพื้นที่จังหวัดสงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส รัฐกลันตัน กับรัฐตรังกานูในมาเลเซีย ปัจจุบันยังมีซากเมืองเก่าของปัตตานีในยุคนั้นปรากฏให้เห็นที่อำเภอยะรังใน ปัจจุบัน และจากการที่มีพื้นที่เป็นป่าเขา และมีพื้นที่ติดชายฝั่งทะเลเป็นระยะทางยาวประมาณ 170 กิโลเมตร จึงเป็นเมืองท่าที่สำคัญและเป็นศูนย์กลางการปกครอง การค้า และวัฒนธรรม มีทรัพยากรด้านการท่องเที่ยวหลายด้าน ทั้งด้านธรรมชาติ โบราณสถานทางประวัติศาสตร์และด้านประเพณีวัฒนธรรม
           ปัตตานี แบ่งการปกครองออกเป็น 12 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองปัตตานี ยะรัง หนองจิก โคกโพธิ์ ยะหริ่ง ปะนาเระ มายอ สายบุรี กะพ้อ ไม้แก่น ทุ่งยางแดง และแม่ลาน

แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจที่จะขอแนะนำ


 วัดช้างให้ราษฎร์บูรณาราม


ตั้งอยู่ที่บ้านป่าไร่ ตำบลทุ่งพลา ริมทางรถไฟสายหาดใหญ่-สุไหงโก-ลก ระหว่างสถานีนาประดู่กับสถานีป่าไร่ ห่างจากตัวเมืองประมาณ 31 กิโลเมตร การเดินทางใช้เส้นทางหลวงสาย 42 (ปัตตานี-โคกโพธิ์) ผ่านสามแยกนาเกตุ ตรงไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 409 (ปัตตานี-ยะลา) ผ่านชุมชนเทศบาลนาประดู่และศูนย์ฝึกอาชีพ (วัดช้างให้) ไปจนถึงทางแยกเพื่อเข้าสู่วัดช้างให้อีกประมาณ 700 เมตร วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นมากว่า 300 ปีมาแล้ว แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าผู้ใดเป็นผู้สร้าง ภายในวิหารมีรูปปั้นหลวงปู่ทวดเท่าองค์จริงประดิษฐานอยู่ นอกจากนี้ยังมีสถาปัตยกรรมของสถูป เจดีย์ มณฑป อุโบสถ และหอระฆัง ที่งดงามเป็นอย่างยิ่ง

หลวงปู่ทวดวัดช้างให้ เป็นผู้มีความสามารถในการศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมและด้านเวทมนตร์คาถาต่างๆ เล่ากันว่าท่านได้แสดงอิทธิปาฏิหารย์เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาผู้คน เช่นครั้งที่ท่านเดินทางไปกรุงศรีอยุธยาด้วยเรือสำเภา ระหว่างทางเกิดพายุ จนกระทั่งข้าวปลาและอาหารตลอดจนน้ำดื่มตกลงทะเลไป ลูกเรือรู้สึกกระหายน้ำมาก หลวงปู่ทวดจึงได้แสดงอภินิหารหย่อนเท้าลงไปในทะเล ปรากฏว่าน้ำในบริเวณนั้นได้กลายเป็นน้ำจืด และดื่มกินได้ ตั้งแต่นั้นมาชื่อเสียงของท่านก็ขจรขจายไปทั่ว และต่อมาหลวงปู่ทวดได้มรณภาพที่ประเทศมาเลเซีย แล้วได้นำพระศพกลับมาที่วัดช้างให้ งานประจำปีในการสรงน้ำอัฐิหลวงปู่ทวดวัดช้างให้คือ แรม 1 ค่ำ เดือน 5 วัดช้างให้เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00 - 17.00 น. 


มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี

ตั้งอยู่ที่ถนนยะรัง เส้นทางยะรัง-ปัตตานี ในเขตเทศบาลเมืองปัตตานี ซึ่งสร้างในปี พ.ศ. 2497 ใช้เวลาดำเนินการสร้างประมาณ 9 ปี และทำพิธีเปิดโดยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2506 เพื่อให้เป็นศูนย์กลางในการประกอบ ศาสนกิจของชาวไทยมุสลิมในภาคใต้ เป็นสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกมีรูปทรงคล้ายกับทัชมาฮาลของอินเดีย ตรงกลางอาคารมียอดโดมขนาดใหญ่และมีโดมบริวาร 4 ทิศ มีหอคอยอยู่สองข้าง บริเวณด้านหน้ามัสยิดมีสระน้ำสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ภายในมัสยิดมีลักษณะเป็นห้องโถง มีระเบียงสองข้างภายในห้องโถงด้านในมีบัลลังก์ทรงสูงและแคบ


มัสยิดกรือเซะ

ตั้งอยู่ริมถนนสายปัตตานี-นราธิวาสหรือทางหลวงแผ่นดินสาย 42 บริเวณบ้านกรือเซะ ห่างจากตัวเมืองปัตตานีประมาณ 7 กิโลเมตร ลักษณะการก่อสร้างมัสยิดแห่งนี้เป็นแบบเสากลมก่ออิฐปูนแบบศิลปะทางตะวันออกกลาง ส่วนที่สำคัญที่สุดคือหลังคาโดมซึ่งยังสร้างไม่แล้วเสร็จมัสยิดเก่าแห่งนี้มีตำนานเล่าว่าเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวสาปแช่งไว้ไม่ให้สร้างเสร็จ บริเวณใกล้เคียงนั้นมีฮวงซุ้ยหรือที่ฝังศพเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวมัสยิดแห่งนี้สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (พ.ศ.2121–2136)